สอนลูกรู้จักเลือก-รู้จักกิน หลอมเด็กไทยสุขภาพดี



คงจะปฏิเสธว่า "เด็กไทย" มีร่างกายไม่ส่วน บ้างก็อ้วนเกินไป บ้างก็ผอมเกินไป นั่นเป็นเพราะเลือกอาหารไม่เป็น และไม่เข้าใจหลักโภชนาการที่ถูกต้อง ทำให้ส่วนใหญ่เลือกกินอาหารแค่บางหมู่ และกินอาหารที่หวาน มัน และเค็ม แต่กินผักและผลไม้ลดลง รวมทั้งไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้เกิดการสะสมของพลังงานส่วนเกินในรูปของไขมัน นำไปสู่ปัญหาโรคอ้วนในที่สุด ปัญหาข้างต้น เป็นประเด็นถกเถียงกันหลายเวที เช่นเดียวกับงานเสวนา “ฉลาดกินกับวัยซน” ที่เนสท์เล่จัดร่วมกับกรมอนามัย ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “อ।สง่า ดามาพงษ์” นักวิชาการสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กรมอนามัย และโฆษกกระทรวงสาธาณสุข บอกว่า ทุกวันนี้ผู้ใหญ่จะไปโทษฟาสต์ฟู้ดต่างชาติอย่างเดียวก็ไม่ถูก เพราะฟาสต์ฟู้ดไทยก็ใช่ย่อย เนื่องจากพ่อแม่ยุคใหม่ไม่ชอบทำกับข้าวหรือเตรียมอาหารให้กับลูก ทำให้เด็กหันมากินข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไก่ย่างหรือไก่ทอดกันมากขึ้น โอกาสที่จะกินผักจึงมีน้อยมาก ทำให้เด็กไม่กินชินกับผัก หรืออีกส่วนอาจมาจากการตั้งโต๊ะอาหารภายในบ้านที่ขาดสีสันของผัก รวมถึงเมนูที่ทำ ไม่ค่อยมีผักเท่าที่ควร เด็กจึงไม่ชินกับผัก และไม่ชอบกินผักในที่สุด "ก่อนจะบอกให้ลูกกินผัก หรืออาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ใช่บอกว่า ลูกต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่นะลูก แต่ควรอธิบายให้ลูกฟังด้วยว่า เมื่อกินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ลูกจะได้สารอาหารประเภทไหนบ้าง เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยวให้แป้งหรือคาร์โบไฮเดรตนะลูก ถั่วงอก หรือผักใบเขียวที่มากับก๋วยเตี๋ยวให้วิตามิน แถมช่วยให้การขับถ่ายของเราดีขึ้นด้วย หรือไขมันได้มากจากไหน นี่ไง กระเทียมเจียว ซึ่งต้องสอนลูกตั้งแต่ยังเล็ก เพราะเป็นช่วงที่ได้ผลที่สุด เพื่อที่เขาโตขึ้น จะได้ฉลาดเลือก และฉลาดกิน” อ।สง่าบอก นอกจากนี้ ตามที่องค์การอนามัยโลกระบุ เด็กไม่ควรกินน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่ทุกวันนี้ อ.สง่าบอกว่า เด็กไทยกินน้ำตาลอยู่ที่ประมาณ 20 ช้อนชาต่อวัน เพิ่มขึ้น 3 เท่า ซึ่งน้ำอัดลม 1 กระป๋องก็มีน้ำตาล 6 ช้อนชาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กจึงได้แต่พลังงาน ไม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้เกิดการสะสม และเกิดภาวะโรคอ้วน และเป็นเด็กขาดสารอาหารในที่สุด




ขณะที่ยังมีผลวิจัยที่น่าตกใจออกมาอีกว่า เด็กอ้วนมีประสิทธิภาพการเรียนด้อยกว่าเด็กที่มีร่างกายปกติอย่างชัดเจน เนื่องจากหิวบ่อย ขาดสมาธิในการเรียน โดยเฉพาะเด็กอ้วนในช่วงประถมต้น ถ้าไม่ลดน้ำหนัก เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจะมีร่างอ้วนถึงร้อยละ 30 และที่หนักกว่านี้คือ ถ้าเลยไปถึงช่วงมหาวิทยาลัย จะมีโอกาสอ้วนถึงร้อยละ 80 ดังนั้นพ่อแม่ที่มีลูก ควรสอนให้ลูกอ่านข้อมูลทางโภชนาการที่ระบุมากับกล่องนม หรือถุงขนมทุกครั้ง เพื่อที่ลูกจะได้เคยชินกับการสังเกตคุณค่าทางอาหาร และเลือกกินได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ดี การส่งเสริมให้เด็กวัยเรียน โดยเฉพาะเด็กเล็กมีโภชนาการที่เหมาะสมนั้น อ।สง่าบอกว่า สามารถทำได้คือ เสริมให้เด็กกินอาหารว่างวันละ 2 มื้อ เน้นอาหารว่างในช่วงบ่าย เพราะจะช่วยพัฒนาทักษะความจำ และสร้างความพร้อมในการเรียนให้เด็กได้มากขึ้น ซึ่งอาหารว่างที่ดี ควรให้พลังงานไม่เกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน นั่นคือ ไม่เกินมื้อละ 150 กิโลแคลอรี่ ซึ่งอาหารว่างที่ดีคือ นมจืด และผลไม้เป็นหลัก

สอดรับกับคุณแม่ลูกสามแต่ยังแจ๋วอย่าง “ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน” หรือ “คุณแม่ปิ่น” ได้เผยเคล็ดลับในการเลือกอาหารว่างที่เหมาะสมให้กับ “เจ้านาย เจ้าขุน และเจ้าสมุทร” ว่า เธอจะดูแลเรื่องอาหารที่ลูกทานเองทั้งหมด และมักจะสอนลูกตั้งแต่เล็กในการกินอาหารที่เหมาะสม และไม่ทำลายร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นของมัน หรือของทอด ขนมถุง โดยเฉพาะน้ำอัดลม ซึ่งเธอจะไม่ให้ลูกกินเลย รวมไปถึงอาหาร หรือขนมที่มีสีสันฉูดฉาด ที่น้อยครั้งมากที่เธอจะให้ลูกกิน เพราะอาจได้รับสีผสมอาหารที่เกินค่ามาตรฐาน หรืออาจเจอสีสังเคราะห์ ที่ทำให้ลูกเสี่ยงต่อการเป็นเด็กไฮเปอร์ได้ ที่สำคัญเรื่องของการกินผัก เธอจะให้ลูกสัมผัสกับผักตั้งแต่ฟันเพิ่งเริ่มขึ้น ขณะเดี่ยวกัน เวลาที่ตั้งโต๊ะอาหารก็จะมีการตกแต่งจานข้าวของลูกให้ดูน่าทาน โดยมีผักเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ลูกทุกคนไม่ปฏิเสธที่จะกินผักเลย เมื่อถามถึงวิธีการเลี้ยงลูก คุณแม่ปิ่น บอกว่า เธอใช้วิธีเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่เลี้ยงแบบเป็นคุณชายมากเกินไป ซึ่งจะสอนให้คิดและทำอะไรเองเป็น ที่สำคัญเธอต้องใช้ความอดทน และความเป็นแม่ในการเลี้ยงดูลูกสูงมาก ต้องเข้าใจลักษณะนิสัยของลูกแต่ละคน และจะให้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า เธอหายไปจากวงการช่วงหนึ่ง เพราะต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก แต่ตอนนี้ลูกบางคนเข้าโรงเรียนไปบางส่วนแล้ว เธอจึงมีเวลาเล่นละครมากขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจะมีงาน ทุกเย็นหลังเลิกเรียน เธอจะสอนการบ้านลูกเองตลอด และจะเน้นเรื่องออกกำลังกาย เพราะที่บ้านเป็นครอบครัวนักกีฬา ซึ่งคุณพ่อเจ และตัวเธอเองจะเป็นแกนนำ ลูกจึงเล่นกีฬาได้หลายอย่างมาก ถึงแม้จะมีเวทีเสวนาเรื่องการบริโภคไม่ถูกต้องมาหลายเวที ซึ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบ้าง ไม่เข้าถึงบ้าง ทำให้ปัญหาที่เกิดจากการกินยังดูเหมือนคงที่อยู่ ดังนั้น ทางบริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด จึงได้จับมือกับกรมอนามัย จัดทำสื่อในรูปแบบ Edutainment ถ่ายทอดสาระความรู้ด้านสุขภาพ และโภชนาการที่เข้าใจง่าย ผ่านภาพยนตร์การ์ตูนแอนนิเมชั่น “ฉลาดกินกับวัยซน” ซึ่งออกอากาศทางช่อง 7 ทุกเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18।00 น. เพื่อช่วยให้พ่อแม่ยุคใหม่สามารถสอนลูกในวัยกิน และวัยเรียนได้อย่างเหมะสม เชื่อมสัมพันธ์พ่อแม่ลูกได้เป็นอย่างดี



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์